ต้องยอมรับนะคะว่าการขายของออนไลน์กลายเป็นเทรนด์การหารายได้เสริมที่มีคนสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี นั่นทำให้ตลาดนี้มีความท้าทายมากขึ้น แข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นบรรดาแม่ค้าออนไลน์ออกมาแชร์ความสำเร็จต่าง ๆ ของตัวเอง จนเรารู้สึกว่าอยากทำได้แบบเขาบ้างจัง! แต่ทำไมเราขายของไม่ดีเลย ทั้งที่สินค้าก็คล้ายกัน ๆ PUNDAI จึงได้นำสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขายของไม่ได้มาฝากกันค่ะ เพื่อให้เพื่อน ๆ รู้เท่าทัน และปรับแก้ไขอย่างรวดเร็ว จนสามารถกระตุ้นยอดขาย เพิ่มยอดขายได้มากขึ้น มาสำรวจกันเลยดีกว่าว่าร้านของเพื่อน ๆ กำลังเข้าข่ายหรือไม่
1. ไม่ทำ Business Model Canvas

สำหรับใครก็ตามที่อยากรู้วิธีขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จแนะนำให้เริ่มต้นทำ Business Model Canvas ก่อนเลยค่ะ พูดง่าย ๆ คือการทำ “แผนธุรกิจ” แต่อยู่ในกระดาษหนึ่งแผ่นที่แสดงภาพรวมของธุรกิจให้เข้าใจง่ายมากขึ้น โดยการเขียนแผนธุรกิจจะทำให้เราจัดการธุรกิจได้ดีมากขึ้น เพราะบางทีการพัลวันกับร้านโดยมองภาพรวมทั้งหมดไม่ออกอาจทำให้เราแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด ถ้าอยากรู้ว่าขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง แต่ไม่ทำแผนธุรกิจก็มีแต่พังเท่านั้นค่า โดยองค์ประกอบหลักของแผนธุรกิจมีดังนี้
องค์ประกอบของ Business Model Canvas
Customer Segment (กลุ่มลูกค้า) | กลุ่มลูกค้าที่น่าจะซื้อสินค้าของเรา ตรงนี้เราควรบอกได้อย่างละเอียด เช่น เพศ, ช่วงอายุ, ความชอบ, รสนิยม อย่าพยายามขายให้กับคนทุกคน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ เราควรโฟกัสกลุ่มเป้าหมายหลักเท่านั้นเพื่อสามารถคุมคุณภาพสินค้า ทำการตลาด และการออกแบบส่วนต่าง ๆ ของการขายให้รองรับกับกลุ่มลูกค้าของเราได้อย่างตรงจุด |
Value Proposition (การเสนอคุณค่า) | คุณค่าที่เราอยากส่งมอบให้กลุ่มลูกค้าของเราคืออะไร |
Chanel (ช่องทาง) | ร้านค้าเราจะเข้าถึงลูกค้าได้ผ่านช่องทางไหนในโลกออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter, IG, Tiktok Shop หรือ Marketplace ต่าง ๆ |
Revenue Streams (กระแสรายได้) | เงินที่ลูกค้ายินดีจ่ายให้เพื่อซื้อสินค้าของคุณเป็นลักษณะไหน |
Key Resources (ทรัพยากรหลัก) | ทรัพยากรหลักสำหรับการขายสินค้าของเราคืออะไร |
Key Activities (กิจกรรมหลัก) | กิจกรรมหลักในการขายคืออะไร การโพสต์รูป, โพสต์บทความสินค้า หรือโพสต์วิดีโอสินค้า รวมไปถึงการทำไลฟ์สดขายสินค้า |
Key Partner (พันธมิตรหลัก) | ตัวช่วยในธุรกิจการขายของเราคือใคร เช่น การใช้ Influencer, การใช้ Affiliate Provider หรือการใช้ลูกค้าของเราช่วยรีวิว |
Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน) | รายจ่ายคงที่ และรายจ่ายผันแปรในการขายของออนไลน์ของร้านเรามีอะไรบ้าง |
2. ไม่ทำความเข้าใจ “พฤติกรรมผู้บริโภค” ของกลุ่มลูกค้า

จากการที่เรารู้แล้วว่า Customer Segment (กลุ่มลูกค้า) ของเราคือใครแล้ว เราต้องทำการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของพวกเขา มาถึงตรงนี้หลายคนจะรู้สึกว่า Customer Research ทำยาก ต้องใช้งบประมาณเฉพาะ เราเป็นแม่ค้าออนไลน์ตัวเล็ก ๆ จะต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ เพราะการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า เราสามารถใช้ “การสังเกต” ระหว่างทำการขายได้เลยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะสังเกตว่าลูกค้าวัยนี้จะชอบสินค้ากลุ่มนี้ หรือมีรสนิยมแบบนี้ แล้วจดบันทึกไว้ก็ได้ค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ ต้องเข้าใจคนซื้อให้ได้ก่อนนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถใช้ Social Media ในการส่องว่าเขาติดตามเพจอะไรบ้าง เพื่อศึกษาแนวโน้มความสนใจก็ได้เช่นกันนะคะ
3. ยอดขายตกเพราะไม่สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์

วิธีขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ คือ การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงสุด ๆ และมันเป็นเรื่องจำเป็นจริง ๆ นะคะ ที่เราต้องสร้างตัวตน เนื่องจากด้วยการแข่งขันสูง เราต้องสร้างความแตกต่างและทำให้คนจำตัวเรา หรือร้านเราให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้วการสร้างตัวตนต้องทำอะไรบ้าง? PUNDAI ขอแนะนำให้ลองใช้กฎ 70/20/10 มาใช้ค่ะ หมายถึง การสร้างคอนเทนต์ 70% ควรเป็นการส่งมอบ “คุณค่า” ให้กับลูกค้า และเป็นการสร้างแบรนด์สินค้าของคุณ หรือตัวคุณไปในตัว ทำให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เขาได้บ้าง
คอนเทนต์อีก 20% ถัดมาคือการแชร์คอนเทนต์ของคนอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ เช่น ถ้าเปิดร้านเสื้อผ้าก็อาจจะแชร์ไอเดียการแต่งตัว, การดูแลเสื้อผ้าให้ถูกวิธี, เทคนิคการจับคู่สีเสื้อผ้า เป็นต้น
คอนเทนต์อีก 10% สุดท้ายควรเป็นการขายของ พรีเซนต์สินค้าแบบชัดเจนเลย ให้ลูกค้าได้รู้จักว่าเรากำลังขาย Product อะไร มีรายละเอียดอะไรบ้าง
ท่านที่กำลังทำธุรกิจออนไลน์ ขายของออนไลน์แล้วยอดขายตก ทำไมขายของออนไลน์ไม่ได้เลย ทาง PUNDAI ของเราพร้อมนำเสนอสาระดี ๆ ด้านการทำการตลาดออนไลน์ และให้ความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ที่สร้างความเชื่อมั่นและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
4. ขายของออนไลน์ ไม่มีลูกค้า เพราะร้าน “ไม่น่าเชื่อถือ”

ความน่าเชื่อถือ คือ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลายคน “ตัดสินใจซื้อ” จากบนออนไลน์ เนื่องจากหนึ่งเลยคือ ลูกค้าไม่สามารถไปจับสินค้าได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ, บทความ รวมถึงภาพลักษณ์โดยรวมของเพจหรือเว็บไซต์ของร้านต้องทำให้สวยงามและน่าเชื่อถือ หากสินค้าเป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม ก็ควรเน้นรูปภาพที่สวยงาม คมชัด เราต้องโฟกัสให้มาก เพราะมันคือจุดเด่นที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ ถ้าร้านยังใช้ภาพที่ถ่ายแบบไม่ชัด ไม่มีการตกแต่งให้น่าสนใจบอกเลยว่าขายยากแน่นอนค่ะ
5. ทำอะไรแบบเดิม ๆ ไม่น่าดึงดูด

ขายของไม่ดี ทำไงดี ร้านเงียบมาก! บอกเลยค่ะ โลกออนไลน์ต้องแข่งกันด้วยคอนเทนต์ ยิ่งสามารถสร้างไวรัลได้จนเป็นกระแสไปในวงกว้างยิ่งทำให้ลูกค้าสนใจและอยากซื้อสินค้าจากเราได้ง่ายและจำนวนมากขึ้น เช่น การสร้างคลิปรีวิวสินค้าแบบสายฮา, การถ่ายภาพที่มี Storytelling หรือการทำคลิปนำเสนอสินค้าด้วยเพลงแร็ป เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้เราต้องมีความ Creative ขึ้นมา โดยแนะนำว่าต้องระวังประเด็นดราม่าต่าง ๆ ด้วย เพราะคนที่ใช้โซเชียลมีเดียในยุคนี้ให้ความสำคัญกับประเด็นที่ละเอียดอ่อนกันมากขึ้น จากที่จะปัง อาจกลายเป็นขายของไม่ได้เลย
ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้ร้านค้าหลายร้านขายของออนไลน์ไม่ได้ ซึ่งแต่ละข้อล้วนเป็นหัวใจหลักในการทำร้านออนไลน์ทั้งสิ้น ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากรู้ว่าขายออนไลน์ยังไงให้รวยแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงสาเหตุทั้งหมดนี้ แต่หันมาโฟกัสแต่ละข้อให้ดีมากขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าการทำการตลาดออนไลน์ต้องใช้งบประมาณเยอะ เพิ่งเปิดร้านใหม่ยังไม่ชำนาญ สามารถเข้าไปใช้เครื่องมือ PUNDAI สำหรับการเปิดดีลให้กับตัวแทนเพื่อทำ Affiliate Marketing ซึ่งทำได้ง่ายและได้ผลเกินคาดแน่นอน และ PANDAI ยังใช้งานง่ายไม่มีวิธีสร้างเพจขายของออนไลน์ที่ยุ่งยาก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
สินค้าดี แต่ขายไม่ได้ แก้ยังไง
ทำการตลาดออนไลน์ด้วยการสร้างตัวตนให้คนรู้จักและเข้าใจถึงสินค้าเราให้มากที่สุด อาจทำคอนเทนต์จนเกิดไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์จะดีมาก
สาเหตุที่ขายของออนไลน์ ไม่ได้คือ
มีได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่ Product ยังไม่ดีพอ / การตลาดไม่ดีทำให้คนเข้าถึงยาก / ไม่สร้างความแปลกใหม่ ซึ่งสำคัญมากในการเป็นที่จดจำบนโซเชียล