แม่ค้าออนไลน์แคปชั่นขายของถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการช่วยให้การขายประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น แต่บอกเลยว่าการตั้งแคปชั่นไม่ดีก็ทำให้แห้วจากการขายมากันมาแบบนักต่อนักแล้ว ถึงแม้สินค้าจะดีแค่ไหนแต่แคปชั่นผิดชีวิตเปลี่ยน จากที่จะขายได้ก็กลายเป็นขายไม่ได้ซะงั้น บอกเลยค่ะเป็นเพราะร้านค้าไม่รู้จักเทคนิคการเขียนแคปชั่นแบบถูกจุด การไปแคปชั่นแบบขายของตรง ๆ แบบนั้นก็ลูกค้าหายหมดแน่นอน แล้วแคปชั่นที่ดีเป็นแบบไหนล่ะ? ถ้าอยากรู้แล้วมาอ่านต่อกันเลยค่ะ
1. แคปชั่นขายของออนไลน์ ขายดีต้องคิดในมุม “ลูกค้า”

เคล็ดไม่ลับแรกที่ร้านค้าใหญ่ ๆ ไม่เคยบอกคุณคือการตั้งแคปชั่นที่ดีเริ่มต้นจากการที่เราลองสวมบทบาทเป็น “ลูกค้า” ก่อน เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เราได้คิดและเลือกตามที่ลูกค้ามีโอกาสเลือก และทำให้เราสามารถบอกข้อมูลที่คิดว่าลูกค้าน่าจะอยากรู้ได้อย่างครบถ้วน เช่น สินค้าชิ้นนี้คืออะไร, ข้อดีของสินค้าชิ้นนี้คืออะไร, สินค้าชิ้นนี้มีข้อมูลที่ต้องรู้อะไรบ้าง และอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลสำคัญที่ลูกค้าควรจะรู้ทั้งสิ้น
2. คําคม แคปชั่นขายของต้องปล่อยหมัดฮุก

แน่นอนว่าในฟีดต่าง ๆ มีทั้งโพสต์โฆษณาต่าง ๆ มากมาย ในแต่ละวันลูกค้าแต่ละคนต้องเจอกับแคปชั่นเชิญชวนให้ซื้อสินค้ามากมาย แล้วการที่เราจะสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้หยุดนิ้วที่โพสต์ของเราได้นั้น การปล่อยหมัดฮุกก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะการเลือกหมัดฮุกซึ่งเป็นทีเด็ดทำให้ลูกค้าหยุดอ่านแคปชั่นของเรามากขึ้น และหากเราใช้หมัดฮุกอย่างชำนาญแล้วนั้น จะทำให้ลูกค้าใช้เวลากับโพสต์เรามากขึ้นตามไปด้วย อย่างเช่นการใช้คำคมแม่ค้าโดน ๆ ก็ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในร้านค้าของเราจนเชื่อใจที่จะสั่งซื้อสินค้าจากเราอีกด้วย
3. แคปชั่นขายของปัง ๆ ต้องสื่อให้ชัด

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากอ่านแคปชั่นยาวเฟื้อย แต่เต็มไปด้วยน้ำไม่มีเนื้อแน่นอน! คุณควรเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่ไม่ได้หมายถึงการขายแบบ Hard Sale นะ ตัวอย่างเช่น คุณขายประกันชีวิต แต่คุณไม่จำเป็นต้องใช้แคปชั่นที่บอกแค่รายละเอียดของกรมธรรม์นั้น ๆ เพียงอย่างเดียว แต่คุณสามารถใช้แคปชั่นที่เล่าถึงความเลวร้ายเมื่อต้องตรวจเจอโรคร้ายขณะที่ไม่ได้มีประกันชีวิตไว้เลย ซึ่งแคปชั่นแบบนี้ทั้งตรงไปตรงมาและเล่นกับความรู้สึกของลูกค้า ทำให้ลูกค้าอยากที่จะซื้อประกันจากคุณเพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
4. แคปชั่นขายของออนไลน์เปิดร้านต้องจัดพารากราฟ

ถึงแม้คุณจะใช้แคปชั่นขายของออนไลน์ ความหมายดีๆ แค่ไหน แต่ถ้าไม่เลิกทำสิ่งนี้บอกเลยว่าพัง! ซึ่งมันก็คือการพิมพ์แคปชั่นแบบยาวเป็นพืดนี่แหละค่ะ เพราะแน่นอนว่าลูกค้ากว่า 90% หรือมากกว่านั้นจะเลื่อนผ่านโพสต์นั้นของร้านค้าคุณแบบไม่ใยดี การพิมพ์แคปชั่นที่ดีต้องมีการแบ่งสัดส่วนของแต่ละพารากราฟให้เหมาะสม นอกจากเป็นมิตรต่อสายตาแล้วยังช่วยแบ่งประเด็นย่อยให้เป็นสัดส่วน ความยาวของแต่ละพารากราฟที่แนะนำคือ 2-4 บรรทัด
5. แคปชั่นเปิดร้านต้องมีเอกลักษณ์

สไตล์การขายที่แตกต่างมีเอกลักษณ์ช่วยทำให้ร้านค้าของคุณเป็นที่จดจำได้ดียิ่งขึ้น ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าความแตกต่างนั้นดีอย่างไร ขอตกตัวอย่างให้นึกภาพตามง่าย ๆ เช่น สไตล์การขายแบบเพื่อนขายเพื่อน เน้นความตลกเฮฮาของคุณพิมรี่พาย, การขายแบบจิกกัดตัวเองที่เฮฮาสุด ๆ ของเพจน้ำพริกแคบหมูยายน้อย หรือแม้กระทั่งการขายแบบกระฉับกระเฉงเน้นความตื่นเต้นของฮาซันขายอาหารทะเล
ในลักษณะเดียวกันภาษาที่ใช้สำหรับแคปชั่นก็มีผลมากในการสร้างความแตกต่าง คุณสามารถเลือกได้ว่าอยากขายกับลูกค้าเหมือนเพื่อนที่ใส่ความตลกได้ด้วยแคปชั่นขายของออนไลน์ฮาๆ หรือจะขายแบบเป็นทางการดูน่าเชื่อถือ หรือไอเดียสร้างสรรค์อื่น ๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยค่ะ
6. ใส่ลิงก์ที่เกี่ยวข้องลงไปด้วย

ไม่ว่าแคปชั่นนั้นจะเขียนเกี่ยวกับอะไรก็ตาม แนะนำว่าควรมีการใส่ลิงก์ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย เพราะจะช่วยทำให้แคปชั่นนั้นดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เนื่องจากการอ้างอิงแหล่งที่มาที่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้าอีกด้วยนะคะ
7. แคปชั่นขายของออนไลน์ให้ปังต้องมี Call-to-action

การใส่ CTA (Call-To-Action) ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงช่องทางต่าง ๆ ของแบรนด์เราได้ง่ายยิ่งขึ้น และทำให้สามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญคือการใส่ Call To Action ยังเป็นการตอกย้ำให้ลูกค้าจดจำชื่อแบรนด์ของเราได้ง่ายและดีมากขึ้นด้วย
8. ใช้ Keyword และ Hashtag

การใช้ Keyword มีส่วนช่วยอย่างมากให้คนสามารถค้นหาร้านค้าของคุณเจอมากขึ้น ซึ่งตำแหน่งแนะนำในการใส่ Keyword คือ ส่วนของหัวข้อและเนื้อหาของแคปชั่น รวมถึงการใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เขียน ก็มีส่วนช่วยให้ลูกค้าเจอโพสต์ของคุณได้มากขึ้น
9. เนื้อหาครอบคลุมทุกประเด็น

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแคปชั่นที่ดี คือ การมอบประโยชน์ให้แก่ผู้อ่านเสมอ ร้านค้าของคุณต้องตระหนักอยู่เสมอว่าแคปชั่นนั้นต้องสามารถตอบข้อสงสัยที่ลูกค้ามักมีข้อข้องใจได้อย่างครบถ้วน สามารถช่วยเหลือปัญหาของผู้อ่านได้ในทันที และควรมีการสรุปประเด็นสำคัญต่าง ๆ เอาไว้ท้ายแคปชั่นอีกด้วย
10. ใช้ภาษาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

คนแต่ละคนมีความถนัดในการรับระดับภาษาที่แตกต่างกันออกไป นั่นทำให้การเขียนแคปชั่นอธิบายสินค้า การรู้ระดับภาษาที่ควรใช้สื่อสารของกลุ่มลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งแต่ละร้านค้าสามารถเข้าไปดูจาก Persona Profile ของกลุ่มเป้าหมายแล้วจะเข้าใจได้มากขึ้นว่ากลุ่มลูกค้าของตัวเองนั้นชอบการอ่านแคปชั่นสไตล์ไหน เช่น ชอบอ่านแบบข้อความเป็นทางการและไม่มีปัญหากับศัพท์เทคนิค หรือเป็นกลุ่มที่ชอบการระดับภาษาแบบเข้าใจง่าย เป็นกันเอง ซึ่งแตกต่างกันพอสมควร จึงเป็นหน้าที่สำคัญของร้านค้าที่ต้องทำความเข้าใจและหาระดับภาษาที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด

เพื่อน ๆ ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคดี ๆ ในการเขียนแคปชั่นร้านค้าที่สามารถมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัดกันไปแล้ว รับรองว่าจากเพจที่เงียบเหงาจะกลายเป็นเพจที่ปังจนยอดไลค์พุ่งไม่หยุดแน่นอน และที่ขาดไม่ได้เลยก็การตั้งชื่อเพจให้น่าสนใจ PUNDAI เสนอบทความตั้งชื่อร้านให้รวยเพื่อเป็นแนวทางให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ
ท่านที่กำลังทำธุรกิจออนไลน์ ทาง PUNDAI ของเราพร้อมนำเสนอสาระดี ๆ ด้านการตลาดออนไลน์ การซื้อขายออนไลน์ และให้ความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ที่สร้างความเชื่อมั่นและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
แคปชั่นขายของทำไมถึงสำคัญ
เนื่องจากแคปชั่นที่สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้มากกว่า ก็มีโอกาสในการเพิ่มการซื้อจากลูกค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย