กลยุทธ์ที่คุณอาจยังไม่รู้! สำหรับการปิดการขายกับลูกค้าทุกกลุ่ม

แน่นอนว่าในการขายไม่ว่าจะแบบมีหน้าร้านหรือการขายของบนโลกออนไลน์ เหล่าผู้เป็นเจ้าของธุรกิจหรือกิจการล้วนแล้วแต่ต้องการปิดการขาย ปิดดีลให้ได้เพื่อเพิ่มยอดทางธุรกิจหรือทำกำไร ดังนั้นบทความของเราวันนี้จะมานำเสนอให้ฟังว่าเทคนิคปิดการขายคืออะไร ทำอย่างไรได้บ้างในกรณีที่ปิดการขายไม่ได้ และการปิดการขายออนไลน์ควรหรือไม่ควรทำอะไร อะไรบ้างที่เป็นข้อห้าม เราจะปิดการขายอย่างชาญฉลาดได้อย่างไร มาศึกษาเพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณไปพร้อมกัน!

แท้จริงแล้ว “ปิดการขาย” คืออะไร!?

ปิดการขาย ภาษาอังกฤษ close the deal เราสามารถอธิบายหรือนิยามจำกัดความได้ว่าปิดการขาย คือ การสรุปสิ่งที่ได้พูดคุยสอบถามและฟังความต้องการจากลูกค้า ทั้งนี้ก็เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้ากับสินค้าและบริการของเรา เมื่อทำได้นั้นหมายถึงเรามีศิลปะในการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้า จนทำให้ลูกค้าที่อยู่ในกระบวนการขายของเราตอบ “ตกลง” ที่จะซื้อสินค้าและบริการกับเรานั่นเอง

ประโยชน์ของการปิดการขายได้ไว

1. เกิดกำไรหมุนเวียนได้ไว

เนื่องจากการขายทุกประเภทย่อมจะต้องมีการลงทุนไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นทุนในการซื้อของมาขาย ทุนค่าทำการตลาด ทำโฆษณาต่าง ๆ หรือแม้แต่การไปลงคอร์สเรียนขายออนไลน์กับโค้ชนักขายต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นต้นทุนที่ต้องการกำไรเข้ามาหมุนเวียน เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นการปิดการขายได้ไว จึงส่งผลดีในเรื่องของการเงินที่จะนำมาหมุนเวียนต่อไปได้

2. ขายไวเวลาเหลือ

เมื่อเสียเวลาไปกับการขายที่น้อย ปิดดีลได้ไว เวลาที่เหลือเราก็สามารถนำไปเรียนรู้พัฒนาปรับปรุงธุรกิจ หรือคิดโปรโมชั่นต่าง ๆ ออกมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับทั้งธุรกิจของเราและสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้จริง หรือแม้แต่การนำเวลาที่เหลือนั้นมาดูแลตัวเอง คนในครอบครัว ก็ย่อมส่งผลดีมากกว่า

ดีลปิดการขายช้าที่น่าปวดหัว

3. ทำให้ได้อัปเดตเทรนใหม่ ๆ ตลอดเวลา

เนื่องจากสินค้าบางอย่าง อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้าแฟชั่น หรือสินค้าอื่น ๆ จำเป็นจะต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เอ้าท์หรือเพื่อให้มีความสามารถแข่งขันกับคู่แข่ง ดังนั้นใครปิดการขาย ธุรกิจได้ก่อน หมายความว่าลดสต็อกจำนวนของเดิมที่มีออกไปได้ก่อน ก็จะช่วยให้อัปเดตสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาทดแทนสินค้าเก่าได้ไวมากขึ้น โดยที่ไม่เป็นภาระกับการลงทุนเพิ่มแบบที่ยังขายไม่ได้นั่นเอง

จัดลำดับความสนใจของลูกค้า เทคนิคการปิดการขายยังไง ทำได้ไว ปิดดีลได้จริง!

1. ลูกค้าที่มีกำลังพร้อมซื้อ 

ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถปิดการขายได้ง่าย เพราะพวกเขาอาจมีความชอบ ความเชื่อใจในแบรนด์สินค้าและบริการของเรา หรืออาจเป็นเพราะกลุ่มเป้าหมายมีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับพวกเขาที่จะต้องนำไปใช้ ดังนั้นเทคนิคในการปิดการขายลูกค้ากลุ่มนี้อาจใช้โปรโมชั่นที่จำกัดเดดไลน์วันหมดอายุ

2. ลูกค้าที่รู้จักสินค้าแล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ

ลูกค้ากลุ่มนี้แม้จะรู้จักสินค้าแล้ว แต่พวกเขาอาจรู้สึกว่ามันยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ดังนั้นเทคนิคที่เราต้องทำคือการให้ความรู้ นำเสนอข้อมูลว่าสินค้าและบริการของเรามีความจำเป็น หรือมีข้อดี มีจุดเด่นอย่างไร ทำไมลูกค้าจึงต้องเลือกซื้อในทันที

3. ลูกค้าที่พึ่งรู้จักเรา

ลูกค้ากลุ่มนี้ให้เราสร้างข้อมูลนำเสนอไปในแนวที่สร้างความเชื่อใจจากลูกค้าได้ อาจเป็นข้อมูลการได้รับรองมาตรฐานต่าง ๆ ขอสินค้าและบริการ หรือข้อมูลรีวิวความคิดเห็นจากผู้ที่เคยซื้อหรือใช้บริการจริง

4. ลูกค้าที่ต้องการทราบข้อมูล

ลูกค้ากลุ่มนี้เขาต้องการทราบข้อมูลสินค้าและบริการ เพื่อพิจารณาเรื่องของคุณภาพและราคาสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ แม้ว่าสินค้าของคุณจะมีราคาแพงกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่พวกเขาก็อาจจะยังต้องการสิ่งที่ดีมีคุณภาพ ดังนั้นการปิดการขายคือ ถามความต้องการจากลูกค้า ไม่เพียงแค่นำเสนอข้อมูลสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะลูกค้าอาจหาข้อมูลมาก่อนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือช่วยลูกค้าดูว่าสินค้าแบบไหนเหมาะสมกับพวกเขา

5. ลูกค้าที่ซื้อของเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของตัวเอง

ลูกค้ากลุ่มนี้จะตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเพราะอารมณ์ ความชื่นชอบส่วนตัว แต่ไม่ได้ซื้อของเพราะฟังก์ชัน ซึ่งลูกค้าประเภทนี้มักจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของคนทำธุรกิจสินค้าหรือให้บริการสิ่งที่มีราคาแพง เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม แต่การปิดการขายก็ยังสามารถทำได้ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อและตัดสินใจซื้อจริง 

สิ่งห้ามทำ! หากต้องการปิดการขาย

1. คีย์เวิร์ดประโยคที่ไม่ควรใช้พูด/ตอบแชทลูกค้า

• ผมพูดจริง ๆ นะครับ : เป็นประโยคเสมือนคำพูดก่อนหน้านั้นไม่จริง
• เชื่อผมเถอะครับ : เป็นประโยคที่เสมือนชวนเชื่อให้ซื้อ
• ขอโทษนะครับ ที่มารบกวน : ไม่ควรพูดเพราะสื่อให้เห็นถึงการขอร้องให้ซื้อ ทำให้สินค้าดูไม่มีคุณค่า
• โทรมาแค่สอบถาม : อย่าเกริ่นด้วยประโยคนี้ แต่ควรบอกเหตุผลซึ่งเป็นประโยชน์กับลูกค้าออกไปแทน
• ซื้อ : คำนี้ sensitive เพราะมันทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกขาย ซึ่งในทางวิทยาผู้คนมักชื่นชอบที่จะตัดสินใจเองมากกว่ารู้สึกว่ากำลังถูกแนะนำการขาย ดังนั้นอาจใช้คำว่า จัดส่งสินค้าตัวนี้ให้เลยไหมคะ? แทน เป็นต้น
• สัญญา : เป็นคำพูดที่ทำให้เกิดความรู้สึกภาระผูกพัน ควรใช้คำว่า รบกวนจัดการเอกสารส่วนนี้ แทน
• พูดข้อเสียของคู่แข่ง : ส่งผลทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณมีความต้องการขายมากจนต้องไปโจมตีผู้อื่น ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกไม่ดี

2. อย่าขายก่อนที่จะทราบความต้องการของลูกค้า

ควรสอบถามความต้องการแท้จริงของลูกค้าเสียก่อน เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการได้อย่างตรงจุดที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ จนขายสินค้าออก

3. ห้ามถมแชท

ในที่นี้หมายถึงการที่ลูกค้าสอบถามข้อมูลสั้น ๆ แต่คุณพยายามยัดเยียดข้อมูลด้วยข้อความยาวหลายบรรทัดหรือเมื่อใดที่แชทหนักขวา หมายความว่าลูกค้าไม่ได้มีความสนใจมากนัก แต่คุณนำเสนอการขายที่มากจึงปิดการขายได้ยาก

4. อย่ามีธงในใจ

ไม่ว่าลูกค้าจะถามคำถามใดแต่คุณต้องการเพียงแค่จะขายเท่านั้น โดยไม่ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเข้ามาให้ความช่วยเหลือหรือมอบประโยชน์ให้จริง ดังนั้นจึงไม่ควรมีธงในใจมุ่งไปแค่การนำเสนอข้อมูลที่จะขายเสมอไป

5. อย่าคิดว่าสิ่งที่ตนคิดว่าดีจะดีสำหรับลูกค้า

เพราะลูกค้าแต่ละรายมองหาสินค้าด้วยความต้องการที่ต่างกัน การที่เรามองเห็นข้อดีบางอย่างและพยายามจะขายแค่เพียงจุดนั้น อาจไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า เป็นการบอกข้อดีหรือสเปกที่เกินความจำเป็น ดังนั้นคุณจึงต้องหาให้เจอว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วนำเสนอให้ตรงกับที่เขาต้องการ

อยากปิดการขายได้ไว ใช้การตลาดแบบ Affiliate ช่วยคุณสิ! 

เพื่อให้สามารถปิดการขายได้ไว ไม่จุกจิกหรือมานั่งกังวลว่าเราไม่มีทักษะทางด้านการขาย จะสามารถขายออนไลน์ได้หรือไม่ เลือก “PUNDAI” เข้ามาเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งที่จะทำหน้าที่ช่วยเหลือคุณ เพื่อบอกต่อสินค้าหรือบริการของคุณออกไปให้กลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้นได้รู้จัก และทำให้โอกาสในการปิดการขายทำได้ง่ายมากขึ้น ผ่านการตลาดแบบช่วยขาย Affiliate ตัดสินใจเลือกใช้ PANDAI วันนี้ เพื่อให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจของคุณ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)