การตลาดออนไลน์กำลังเป็นสนามที่ทุกคนกระโดดลงมาลุยกันอย่างเต็มที่ ถ้าคุณไม่อยากแพ้ให้การแข่งขันครั้งนี้ก็มีเพียงแค่ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น นอกจากจะต้องอาศัยความรู้ด้านการตลาดแล้ว เครื่องมือการตลาดหรือ Digital marketing tools คือหัวใจสำคัญอีกอย่างที่ช่วยเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จได้ บทความนี้เราจึงทำการคัดเครื่องมือช่วยด้านการตลาดที่คิดว่าน่าจะตอบโจทย์สำหรับทุกคนมาฝากกัน จะมีเครื่องมือการตลาด 5 ชนิดไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกันได้เลย
1. Google Analytics

Google Analytics เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ของเว็บไซต์ของเรา ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์และเจ้าของเว็บไซต์ได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ใช้งานโต้ตอบกับเว็บไซต์ของเราอย่างไรบ้าง ข้อดีของMarketing tool มีอะไรบ้าง มาดูกัน
จุดเด่น
- แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ : ข้อมูลตามเวลาจริงเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งาน จำนวนหน้าที่มีการเปิด และอัตรา Bounce Rate (อัตราการที่คนเปิดเข้ามาแล้วคลิกออกไปโดยทันที)
- ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้งานเว็บ : Google Analytics สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ ทั้งข้อมูลประชากร ตำแหน่งที่อยู่ และความสนใจ ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้ร้านค้าเข้าใจลูกค้าและปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
- ติดตามผลลัพธ์จากแคมเปญ : Google Analytics สามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดออนไลน์ รวมถึงธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ การส่งแบบฟอร์มได้อีกด้วย
2. Power BI

Power BI เป็นOnline tools คือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจและนำเสนอข้อมูลแบบ Data Virtualization, รายงาน หรือแสดงผลเป็น Dashboard ได้ด้วย ถูกพัฒนาขึ้นโดย Microsoft โดยเป็นเครื่องมือ Business Intelligence Tools ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากจุดเด่นมากมายดังต่อไปนี้
จุดเด่น
- สามารถใช้งานได้ง่าย : Power BI สามารถใช้ได้ผ่าน Windows และใช้Digital tools ผ่านแอปพลิเคชันทั้ง iOS และ Android
- ฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย : เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้กับข้อมูลหลากหลายประเภท ทั้งข้อมูลทั่วไป เช่น CSV, PDF, ELSX และข้อมูลของบริษัทที่มีความซับซ้อนก็ได้เช่นกัน
- ราคาจับต้องได้ : สำหรับการใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์แบบจัดเต็มก็เสียเงินอยู่ที่ $9.99 เท่านั้น
3. SEMRush

SEMRush คือ เครื่องมือช่วยทำการตลาดออนไลน์แบบรวมที่เดียวจบ ทำให้นักการตลาดออนไลน์และร้านค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าและเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้อย่างง่ายดาย จุดเด่นของmarketing communication tools มีอะไรบ้างมาดูกัน
จุดเด่น
- SEO : ช่วยวิเคราะห์ Traffic , การเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้ติดท็อปหน้าแรกของ Google และมีเครื่องมือช่วยพัฒนา SEO อีกมากกว่า 20 เครื่องมือ
- Competitive Research : ตัวช่วยเข้าใจการตลาดออนไลน์ได้มากกว่าเดิม และช่วยวิเคราะห์การแข่งขันของคู่แข่งได้อีกด้วย
- Content marketing tools : ตัวช่วยเด็ดในการพัฒนาคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และยังช่วยให้คุณเจอ Topic น่าทำที่ทำให้คะแนน SEO ของเว็บคุณดีขึ้นได้อีกด้วย
4. Hootsuite

Hootsuite คือ ตัวช่วยในการจัดการโซเชียลมีเดีย (Social media marketing tools)ของร้านค้าออนไลน์ที่น่าจับตามองมาก เพราะนี่สามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการจัดการร้านค้าบนโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
จุดเด่น
- Insights : การอัปเดตเทรนด์ที่กำลังได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ บนโลกออนไลน์แบบเรียลไทม์ ทำให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างตอบโจทย์ และทำให้การทำการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพในการแข่งขันสูงขึ้น
- Engage : marketing communication tools ที่ช่วยจัดการด้านการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับร้านค้าที่สะดวกและง่ายมาก ๆ โดยสามารถกำหนดหน้าที่ของผู้ตอบข้อความโดยเฉพาะเลยก็ได้ ทำให้หมดปัญหาการตอบแชทลูกค้าช้า หรือตกหล่นได้แบบ 100%
- Publishing : ไม่ต้องเสียเวลาจัดการคอนเทนต์ทีละอันแบบแต่ก่อน เพราะฟีเจอร์นี้ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของคอนเทนต์ทั้งหมดได้ในทันที เช่น การตั้งเวลาโพสต์อัตโนมัติ หรือ การรีโพสต์ซ้ำ ก็สามารถทำได้
5. PUNDAI

PUNDAI คือ Affiliate marketing tools โดย affiliate แปลว่า การตลาดแบบปากต่อปาก ที่ใช้เป็นข้อได้เปรียบในการเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า ที่สามารถใช้งานได้ฟรีง่าย ๆ แค่แอดไลน์ @pundaiofficial แล้วทำการเปิดดีล และส่งลิงก์ให้กับผู้แชร์หรือ Influencer ที่ต้องการให้ช่วยโปรโมท เท่านี้ก็สามารถกระตุ้นการตลาดได้อีกช่องทางแล้ว
จุดเด่น
- ใช้งานง่าย : ฟีเจอร์ต่าง ๆ สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลามากในการเรียนรู้ ไม่ต้องเป็นนักการตลาดก็สามารถใช้งานได้แน่นอน
- ราคา : PUNDAI เป็นdigital marketing tool ที่ประหยัดที่สุดเนื่องจากสามารถใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับร้านค้าที่อยากเซฟต้นทุนมาก ๆ
- ไม่ต้องดาวน์โหลด : การทำงานจะทำผ่าน Line OA ทำให้ไม่ต้องโหลดแอปหรือโปรแกรมมาใช้เพิ่มเติมเลย
ก็ได้รู้กันไปแล้วนะคะว่า digital marketing tools มีอะไรบ้าง สำหรับเครื่องมือการตลาดที่เราได้แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันไป แต่ละตัวก็มีจุดเด่นและการใช้งานที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป หากร้านค้าไหนกำลังต้องการทำการตลาดแบบใดก็สามารถเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้ไปใช้ได้เลย รับรองว่ายิ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารร้านค้าและจัดการออเดอร์ได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
marketing methods คือ
วิธีการทางการตลาดหมายถึงเทคนิคและกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ร้านค้าใช้ในการโปรโมทสินค้าหรือบริการของตัวเองและเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า วิธีการเหล่านี้อาจรวมถึงการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การตลาดทางตรง การขายส่วนบุคคล การตลาดดิจิทัล การตลาดโดยใช้ผู้มีอิทธิพล การตลาดกิจกรรม การตลาดพันธมิตร การตลาดในร้านค้า และการตลาดเชิงประสบการณ์
digital marketing tools สําคัญอย่างไร
เครื่องมือการตลาดดิจิทัลมีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล และเครื่องมือค้นหา เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยธุรกิจในการติดตามและวิเคราะห์การทำการตลาด และช่วยในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงแคมเปญของตัวเองได้ดีมากขึ้น