“ผู้ชนะคือผู้แพ้ที่ไม่เคยยอมแพ้” หากคุณอยากเป็นปลาใหญ่ที่ได้ลูกค้าจำนวนมาก แนะนำว่าการศึกษาหาความรู้ด้านการตลาดออนไลน์นั้นสำคัญจนมองข้ามไม่ได้ แต่เชื่อว่าหลายคนก็เคยลองทำการตลาดตามเทรนด์มาเยอะแล้วแต่ทำไมยังไม่ปังกันนะ? ความจริงแล้วการทำตามกระแสอย่างเดียว ยากที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน จุดสำคัญคือคุณต้องโฟกัสที่พื้นที่ในการทำการตลาดให้ได้ก่อน ซึ่งรวบรวมมาให้ครบในบทความนี้แล้ว รับรองว่าถ้าทำได้หมด ยอดขายจะพุ่งสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน
Online marketing หมายถึงอะไร?

การตลาดออนไลน์ คือ แนวทางปฏิบัติในการโปรโมตสินค้า บริการโดยใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลวิธีและกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO), การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC), การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ฯลฯ
วัตถุประสงค์ของ digital marketing คือ การเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้น เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายและการแปลงผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย การตลาดออนไลน์ช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ เข้าถึงลูกค้าที่พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ทางออนไลน์ได้ดีมากขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าการตลาดออนไลน์ก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดนั่นเอง
ประโยชน์ของ digital marketingคืออะไร?
1. เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง
การตลาดออนไลน์ช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย
เมื่อเทียบกับวิธีการทำการตลาดแบบดั้งเดิม การตลาดออนไลน์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
3. วัดผลลัพธ์ได้
การตลาดออนไลน์สามารถวัดผลได้ง่าย ช่วยให้ร้านค้าสามารถติดตามความสำเร็จของแคมเปญและตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลักได้ในอนาคต
4. การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้น
การตลาดออนไลน์เปิดโอกาสให้ร้านค้าต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย อีเมล และช่องทางโต้ตอบอื่น ๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ได้
5. ได้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
การตลาดออนไลน์ช่วยให้ร้านค้าสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เช่น ข้อมูลประชากร พฤติกรรมการเรียกดู และประวัติการซื้อ ซึ่งสามารถใช้เพื่อปรับปรุงสินค้า บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าได้
เทคนิค Online marketing มีอะไรบ้าง
โดยเทคนิค Online marketing มีอะไรบ้างที่ทำให้ปัง ควรให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. ให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด

ไม่ว่าจะเปิดร้านขายสินค้าอะไรก็ตาม การเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้เป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการตลาดออนไลน์ เพราะจะทำให้รู้ว่าลูกค้าต้องการสินค้าแบบไหน หรือสามารถเสนอสินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจได้ในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้สามารถกำหนดทิศทางของแบรนด์ร้านค้าได้ตรงจุดมากกว่าร้านที่ไม่เข้าใจกลุ่มลูกค้าอีกด้วย
2. สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและมีคุณภาพ
ตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วเขาจะไม่ค่อยชอบการเสนอขายแบบตรง ๆ หรือที่เรียกว่า Hard Sell หนัก ๆ เพราะจะทำให้เกิดความอึดอัดและรู้สึกถูกยัดเยียดอะไรบางอย่างอยู่ จนทำให้ลูกค้าคนนั้นพลอยไม่อยากซื้อสินค้าของร้านนั้น ๆ ไปเลยก็ได้
การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า คือ สามารถให้ประโยชน์กับลูกค้าได้จะสามารถดึงดูดให้เขาอยากทำความรู้จักกับร้านค้าเราได้มากกว่า และเป็นธรรมชาติอีกด้วย เช่น หากร้านคุณเป็นร้านเสื้อผ้า การทำหน้าเพจด้วยการทำการตลาดออนไลน์อาจไม่เป็นการขายของอย่างเดียวตลอดเวลาก็ได้นะ ลองทำคอนเทนต์ให้ความรู้ เทคนิคการแต่งตัวให้สวย เทคนิคการเลือกเนื้อผ้า แบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกดีกว่าเราขายของเพียงอย่างเดียว
3. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ของคุณ

เว็บไซต์เปรียบได้กับบ้านหลังที่ค่อนข้างมั่นคงสำหรับDigital marketing กับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ยิ่งเทียบกับโซเชียลมีเดียที่มีการทำอัลกอริทึมต่าง ๆ ที่สามารถปิดกั้นการมองเห็นร้านค้าแล้วด้วย เว็บไซต์ถือว่าได้เปรียบในจุดนี้มาก ดังนั้นคุณจึงควรปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้สวย ทันสมัย ใช้งานง่าย จะทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ที่ดี และทำให้อยากซื้อสินค้าจากร้านค้าของคุณด้วย รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ เช่น ทำ Payment Gateway สำหรับการใช้จ่ายให้สะดวก เป็นต้น
4. ใช้พลังของโซเชียลมีเดีย
เมื่อเรารู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร เราก็ต้องรู้ด้วยว่าเขาใช้เวลาส่วนมากอยู่บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไหนเป็นพิเศษ แล้วเริ่มลุยทำ Online marketing plan ที่แพลตฟอร์มนั้นก่อน จะช่วยให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักและได้รับผลตอบรับที่ดีกว่าการหว่านแหทำ Social Media Marketing ทีเดียวหลาย ๆ แพลตฟอร์มพร้อมกัน แต่ในอนาคตเมื่อเจาะตลาดได้แล้วแนะนำให้ขยายไปเก็บทีละแพลตฟอร์มให้ครบ จะช่วยให้ขายดียิ่งขึ้นไปอีก
5. ติดตามเทรนด์และเทคโนโลยีล่าสุดเสมอ

การเกาะกระแสคือตัวอย่างการตลาดออนไลน์ ที่สามารถช่วยให้ร้านค้าคุณอยู่ในสายตาของคนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว แนะนำให้ใช้การเกาะเทรนด์อย่างสร้างสรรค์ นั่นจะทำให้แบรนด์กลายเป็นที่สนใจและจับตามอง จนทำให้คุณทึ่งกับผลลัพธ์ที่ได้ แน่นอนการตลาดออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทรนด์และเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อให้นำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ
หลังจากที่ได้รู้ไปแล้วว่าDigital marketing ทำอะไรบ้าง มีเทคนิคอะไรที่น่าสนใจ แต่สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้ตัวช่วยดี ๆ ในการทำการตลาดออนไลน์ Affiliate Marketing ซึ่ง affiliate แปลว่า การตลาดแบบการบอกต่อ (Word of Mouth) PUNDAI เป็นเครื่องมือการตลาดที่เปิดให้เจ้าของร้านค้าเปิดดีลให้ผู้แชร์ช่วยขายได้ฟรี ใช้งานง่าย ไม่ต้องนั่งวิเคราะห์เองให้ยุ่งยาก หากสนใจสามารถสอบถามเข้ามาก่อนได้ที่ Line : @pundaiofficial
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
online marketing ส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกทางการตลาดต่างประเทศ อย่างไร
การตลาดออนไลน์สามารถส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกในด้านการตลาดระหว่างประเทศโดยอนุญาตให้ร้านค้าแสดงสินค้าหรือบริการของตนในลักษณะที่เป็นมืออาชีพและเข้าถึงได้ง่ายต่อผู้ชมทั่วโลก นอกจากนี้ การมีสถานะทางออนไลน์ที่แข็งแกร่งสามารถสร้างร้านค้าให้เป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ได้และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีมากขึ้นไปด้วย
Online marketing tools มีอะไรบ้าง
SEO : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ เช่น Google Analytics, Ahrefs, SEMrush, Moz เป็นต้น
เครื่องมือโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าสร้างและจัดการแคมเปญโฆษณาแบบ PPC เช่น Google Ads, Bing Ads และ Facebook Ads
เครื่องมือการจัดการโซเชียลมีเดีย : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าจัดการและกำหนดเวลาโพสต์โซเชียลมีเดีย ติดตามการวิเคราะห์ และมีส่วนร่วมกับผู้ชม เช่น Hootsuite, Buffer และ Sprout Social
เครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าสร้าง ส่ง และติดตามแคมเปญผ่านอีเมล เช่น Mailchimp, Constant Contact และ Sendinblue
เครื่องมือการตลาดเนื้อหา : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพ และเผยแพร่เนื้อหา เช่น WordPress, Canva และ CoSchedule
เครื่องมือวิเคราะห์และติดตาม : เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดออนไลน์ เช่น Google Analytics, Mixpanel และ Heap
Online marketing กับ digital marketing ต่างกันไหม
การตลาดออนไลน์และการตลาดดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ทั้งคู่หมายถึงการส่งเสริมสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม คำว่า “การตลาดออนไลน์” มักหมายถึงการใช้ช่องทางเฉพาะเจาะจงเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค เช่น การตลาดผ่านอีเมล การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) หรือการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ในทางกลับกัน “การตลาดดิจิทัล” เป็นคำที่ครอบคลุมมากกว่าซึ่งครอบคลุมการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ รวมถึงช่องทางดิจิทัลอื่น ๆ เช่น แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ป้ายโฆษณาดิจิทัล และการตลาดผ่าน SMS ด้วย