ไขความลับ การตลาดดิจิทัลคืออะไร แบบเข้าใจง่าย ไม่ใช่นักการตลาดก็รู้เรื่อง!

เนื้อหาบทความนี้

ปัจจุบันร้านค้าจำนวนมากต้องปรับตัวเพื่อทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันด้านการค้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้าน นักการตลาด หรือเหล่า Content Creator เองก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดดิจิทัลเช่นเดียวกัน แต่แค่จั่วหัวว่าการตลาดหลายคนก็ปวดหัวแล้วใช่ไหมล่ะคะ บทความนี้จึงทำการย่อยความรู้เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลที่อ่านปุ้บเข้าใจปั้บ เหมาะกับมือใหม่ ไม่ต้องเป็นนักการตลาดมือฉมังก็เข้าใจมาฝากกันค่า

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล คืออะไร?

การตลาดยุคดิจิทัล คือ การใช้ช่องทางและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อส่งเสริมหรือทำการตลาด ช่องทางเหล่านี้รวมถึง Search Engine, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, เว็บไซต์ และอื่น ๆ การตลาดดิจิทัลช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากขึ้นและกำหนดเป้าหมายตามกลุ่มลูกค้า และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งมักมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าวิธีการตลาดแบบดั้งเดิม อีกทั้งการตลาดดิจิทัลสามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ได้อีกด้วย

การตลาดดิจิทัล มีอะไรบ้าง?

ตัวอย่างช่องทางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล มีหลากหลายช่องทาง ในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างช่องทางการตลาดดิจิทัลยอดนิยมมาฝากกันนะคะ

  • การตลาดเว็บไซต์ (Website Marketing)
  • ช่องทางการค้นหา (Search Engine Marketing)
  • การตลาดอีเมล (Email Marketing)
  • การตลาดโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing)
  • การตลาดวิดีโอ (Video Marketing)
  • การตลาดคอนเทนต์ (Content Marketing)

1. การตลาดเว็บไซต์ (Website Marketing)

แนวคิดการตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืนที่สุดช่องทางหนึ่ง คือ การทำเว็บไซต์ เพราะที่นี่เป็นช่องทางที่ค่อนข้างมั่นคงสำหรับลูกค้าจะสามารถทำความรู้จักกับร้านเราได้มากขึ้นผ่านการ ‘ค้นหา’ บน Search Engine อย่าง Google การที่ลูกค้าจะเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้ดี ต้องอาศัยการทำ SEO (Search Engine Optimization) 

กลไกของ SEO คือ การที่พิจารณาคีย์เวิร์ดที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้งานมากแค่ไหน แล้วทำการจัดอันดับให้แสดงผลในหน้าค้นหาของ Google แต่การที่จะติดหน้าแรก google ได้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ Keyword เพียงอย่างเดียว แต่ต้องใส่ใจออกแบบหน้าเว็บให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานด้วย

ข้อดีของการทำ Website Marketing

  • การออกแบบตกแต่งคอนเทนต์บนเว็บไซต์ค่อนข้างอิสระมากกว่าการทำบน Social Media หรือแพลตฟอร์มอื่น
  • สามารถทำคอนเทนต์และขายสินค้าได้ในเว็บไซต์เดียวกัน
  • เราจะเป็นเจ้าของคอนเทนต์ที่ทำอยู่เพียงผู้เดียว
  • สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชม. ทั่วโลก

2. การตลาดช่องทางการค้นหา (Search Engine Marketing)

สำหรับใครที่รู้สึกว่าการทำ SEO ค่อนข้างใช้เวลานาน แน่นอนว่ามันมีจุดเด่นคือสามารถทำได้ฟรี แต่สำหรับร้านค้าที่อยากติดหน้า 1 Google ไว ๆ การเลือกใช้ ทฤษฎีการตลาดดิจิทัล SEM : Search Engine Marketing เข้ามาช่วยจะทำให้ได้ผลที่ทันใจกว่า โดย Google จะเรียกเก็บเงินตามจำนวนคลิกที่คนเข้ามาดูหน้าเว็บเพจนั้น ๆ ของเรา เรียกว่า Pay Per Click นั่นเอง 

ข้อดีของการทำ Search Engine Marketing

  • ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • ช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
  • มีโอกาสได้ Traffic ในเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น

3. การตลาดอีเมล (Email Marketing)

การตลาดดิจิทัลที่อาจจะค่อนข้างเก่าแต่กลับได้ผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยรูปแบบของการตลาดรูปแบบนี้คือ ที่หน้าเว็บไซต์ของร้านค้าจะต้องมีระบบที่ทำให้ได้มาซึ่ง Email ของลูกค้า เช่น ปุ่ม Sign Up, การแจกสิ่งของฟรีแล้วส่งให้ทางอีเมล, การให้กรอกข้อมูลอีเมลเพื่อรับข่าวสาร เป็นต้น ซึ่งถือว่าการตลาดดิจิทัลคืออะไรที่ยืดหยุ่นในปรับใช้ได้หลากหลาย

ข้อดีของการทำการตลาดอีเมล

  • ช่วยให้ได้ฐานข้อมูลลูกค้าในการใช้วิเคราะห์ในอนาคต
  • ข้อมูลไม่มีอายุจำกัด
  • อีเมลสามารถสอดแทรก Content Marketing ลงไปได้

4. การตลาดโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing)

การใช้โซเชียลมีเดียในการทำการตลาดดิจิทัล หมายถึง การสร้างตัวตนของร้านค้าผ่าน Social Media ต่าง ๆ ซึ่งเป็นชุมชนบนโลกออนไลน์ที่ผู้คนต่างใช้เวลาอยู่กับมันค่อนข้างมากในทุกวันนี้ ทำให้ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ร้านค้าต่าง ๆ จะประสบความสำเร็จได้จากการใช้พลังของโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Twitter, IG เป็นต้น

ข้อดีของการทำการตลาดโซเชียลมีเดีย

  • มีโอกาสเพิ่มการเข้าถึงของลูกค้ามากขึ้น
  • สามารถสร้างไวรัลจนแบรนด์ร้านค้าติดตลาดกลายเป็นสินค้าขายดี
  • สามารถแทรก Content Marketing ลงไปได้

5. การตลาดคอนเทนต์ (Content Marketing)

การตลาดดิจิทัล ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนซึ่งถูกใช้กันอย่างแพร่หลายมาก ๆ คือการทำคอนเทนต์ เป็นการทำการตลาดแบบระยะยาวที่ทำให้ลูกค้ากับร้านค้ามีปฏิสัมพันธ์กันอย่างยาวนานมากขึ้น โดยคอนเทนต์ก็มีหลายรูปแบบทั้ง บทความ,​ รูปภาพ, วิดีโอ ฯลฯ 

ข้อดีของการตลาดคอนเทนต์ (Content Marketing)

  • เป็นการตลาดระยะยาว
  • สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม
  • ปรับใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม

7. การตลาดพันธมิตร (Affiliate Marketing)

affiliate แปลว่า การตลาดรูปแบบพันธมิตรหรือช่วยกันขาย ลักษณะของการตลาดดิจิทัล คือ ผู้แชร์จะทำหน้าที่ในการบอกต่อสินค้า และเมื่อลูกค้าซื้อผู้แชร์ก็จะได้ผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชันตามเปอร์เซ็นต์ที่เจ้าของร้านได้กำหนดไว้ในตอนแรก โดยการตลาดออนไลน์นี้จะช่วยให้สินค้าถูกพูดถึงมากขึ้น และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย

ข้อดีของการตลาดพันธมิตร (Affiliate Marketing) 

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการทำการตลาดอื่น ๆ 
  • เข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมาก
  • สามารถวัดผลด้วยเครื่องมือการตลาดออนไลน์
  • มีความยืดหยุ่นสูง ปรับแต่งได้ง่าย

การทำการตลาดดิจิทัลไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม PUNDAI เป็นเครื่องมือช่วยทำการตลาดแบบ Affiliate ที่ใช้ง่ายมาก เพียงแค่เปิดดีลสินค้าและแชร์ดีลนั้นให้กับผู้แชร์ช่วยขาย เพียงเท่านี้ยอดขายของคุณก็พุ่งสูงขึ้นได้แล้ว ไม่ต้องใช้นักการตลาดหรือเสียเวลาทำเองให้ยุ่งยากอีกต่อไป สนใจสอบถามก่อนได้ที่ Line : @pundaiofficial

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การตลาดดิจิทัล เรียนอะไรบ้าง

– บทนำสู่การตลาดดิจิทัล
– การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์
– การโฆษณาแบบชำระเงิน
– Social Media Marketing
– Email Marketing
– การวิเคราะห์เว็บไซต์
– Content Marketing
– ระบบ Automation Marketing

ADD LINE เพื่อเริ่มใช้ PUNDAI

คุณก็สามารถใช้ PUNDAI โดยไม่มีอะไรซับซ้อน ด้วยการแอดไลน์และเริ่มใช้งานได้ทันที หรือกด เรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับบทบาทของผู้ใช้งาน เพื่อศึกษาบทบาทของเรา